วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 09.00 น. ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เป็นประธานในการเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็น "การทบทวนผลการปฏิบัติงานแผนปฏิบัติราชการ กรมพัฒนาที่ดิน พ.ศ. 2566 - 2570 (After Action Review) ในภูมิภาค" ครั้งที่ 4 ภายใต้โครงการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) (ฉบับปรับปรุง) โดยมี ดร.อาทิตย์ ศุขเกษม รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านวิชาการ ผู้อำนวยการกอง/สำนัก ส่วนกลาง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดิน รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1 2 และ 9 ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดิน ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาฯ ผู้อำนวยการกลุ่ม ข้าราชการจากสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1 2 และ 9 และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็น โดยได้รับเกียรติจาก นายสุพจน์ ลาภปรารถนา วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ จากสถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ ที่มาร่วมบรรยายสรุปผลวิเคราะห์แผนปฏิบัติราชการฯ และทิศทางการพัฒนาระยะ 12 ปี ของกรมพัฒนาที่ดิน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เข้าร่วมประชุม ณ ห้องดาหลา โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อธิบดีทวีศักดิ์ เปิดเผยว่า
กรมพัฒนาที่ดิน เป็นหน่วยงานหลักที่มีภารกิจเกี่ยวข้องโดยตรงด้านการพัฒนาที่ดิน
ตามศักยภาพของที่ดิน
ส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตและป้องกันบรรเทาภัยอันเกิดจากภาวะโลกร้อน โดยในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2568 กรมพัฒนาที่ดินได้กำหนดทิศทางการพัฒนาที่สำคัญ ได้แก่
การพัฒนาสู่เกษตรทันสมัยด้วยเทคโนโลยีด้านการเกษตร การยกระดับการบริหารจัดการน้ำ
การฟื้นฟูทรัพยากรดินและรักษาสมดุลของระบบนิเวศ การส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว
การรับมือกับภัยธรรมชาติ และการพัฒนาระบบราชการดิจิทัล
จึงมีความจำเป็นต้องทบทวนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อปรับปรุงแผนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
รวมถึงเป็นการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาและจัดการที่ดิน
จึงดำเนินการจัดประชุมครั้งนี้ขึ้นเพื่อการรับฟังความคิดเห็นและร่วมกันวิเคราะห์ปัญหา
อุปสรรค และ โอกาสในการพัฒนางานด้านการพัฒนาที่ดินอย่างรอบด้าน
โดยอาศัยข้อมูลเชิงประจักษ์
และประสบการณ์จากหน่วยงานของกรมพัฒนาที่ดินทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
เพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจที่สำคัญของกรมพัฒนาที่ดิน
ให้สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร
และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคการเกษตรของประเทศต่อไป









