ปกเว็บไซต์ สถานีพัฒนาที่ดินสงขลา

สพด.สงขลา จัดงาน KICK OFF โครงการ "ไถกลบตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นสิ่งแวดล้อม" ปี 2568 ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา ถ่ายทอดสดพร้อมกันทั้งหมด 72 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบ Video conference application Zoom และ Facebook live กรมพัฒนาที่ดิน


date 2 ก.พ. 2568    7   
สพด.สงขลา จัดงาน KICK OFF โครงการ "ไถกลบตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นสิ่งแวดล้อม" ปี 2568 ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา ถ่ายทอดสดพร้อมกันทั้งหมด 72 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบ Video conference application Zoom และ Facebook live กรมพัฒนาที่ดิน
==============================
วันอาทิตย์ ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 สถานีพัฒนาที่ดินสงขลา จัดงาน KICK OFF โครงการ "ไถกลบตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นสิ่งแวดล้อม" ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีนายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายจิรวัตร์ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดงาน โดยนายวีระพจน์ เรืองมี ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินสงขลา กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ซึ่งกิจกรรมจัดในพื้นที่ หมู่ที่ 4 บ้านท่าหินใต้ ตำบลท่าหิน อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสดพร้อมกันทั้งหมด 72 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบ Video conference application Zoom และ Facebook live กรมพัฒนาที่ดิน
โดย นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดงาน KICK OFF โครงการ "ไถกลบตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นสิ่งแวดล้อม" ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวรายงาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการจัดงาน (Center) ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในพื้นที่เกษตรกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดการเผา (Hot spot) เพื่อสร้างความตระหนักให้เกษตรกรทำเกษตรกรรมที่ไม่เผาฟางและตอซังพืช ช่วยให้คุณสมบัติของดินดีไม่ถูกทำลาย เพิ่มอินทรียวัตถุในดิน สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน ช่วยลดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 รวมทั้งลดพื้นที่เสี่ยงที่จะส่งผลต่อการเกิดภาวะโลกร้อน
“การไถกลบตอซังพืชแทนการเผา เป็นวิธีการปรับปรุงบำรุงดินที่สะดวกและง่าย ที่เกษตรกรสามารถทำได้ด้วยตนเอง นอกจากจะช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดินได้โดยตรง การไถกลบหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ดินดี มีความอุดมสมบูรณ์ และผลผลิตเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงช่วยลดปัญหาหมอกควัน และผลกระทบต่อการเกิดภาวะโลกร้อน เพราะเป็นการหยุดยั้งปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่เกษตรกรรม ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชน เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ ประชาสังคม สื่อมวลชน เกษตรกร และประชาชน เพื่อสนับสนุนและผลักดันกิจกรรมของทุกหน่วยงาน สร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาจากการเผาที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรดินอีกด้วย”